บุ๊งไป ปฏิบัติธรรม วิปัสสนา สอนโดย อ.โกเอ็นก้า ศูนย์ฯ ธรรมธานี กรุงเทพฯ มาค่ะ คราวนี้จะมารีวิวสถานที่ ว่าแตกต่างจากที่ ปราจีนบุรี อย่างไร
42/660 หมู่บ้านเค.ซี. การ์เด้นโฮม ถนนนิมิตใหม่ ซอย 40 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ 10510 THAILAND
Tel. +662 993 2711, +668 7314 0606, +668 6905 9304
Email: dhamma.dhani@thaidhamma.net
Operating hours: 8.30 am – 12 pm, 1 pm – 5 pm
Closed on Sat & Sun
Map: https://goo.gl/maps/pw12XYNE8fjKyyGD6
Website: https://www.thaidhamma.net/
ข้อมูลศูนย์ฯ ธรรมธานี กรุงเทพฯ: http://bit.ly/3t2VORQ
ตารางอบรม: https://bit.ly/3egTD9d
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่บุ๊งไปปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐาน ตามหลักสูตรของ ท่านอาจารย์ โกเอ็นก้า (S. N. Goenka) ถือว่าเป็นศิษย์เก่า เพราะเคยผ่านการอบรมมาแล้ว สำหรับผู้ที่ไม่เคยเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรนี้เลยถือว่าเป็น ศิษย์ใหม่ ซึ่งศิษย์ใหม่ทุกคน จะต้องเข้าคอร์สอบรมเป็นเวลา 10 วัน ถือเป็นคอร์สเริ่มต้น สำหรับบุ๊ง ครั้งแรกไปที่ ศูนย์ฯ ธรรมกมลา ปราจีนบุรี ซึ่งได้เคยเขียนรีวิวไว้แล้ว สามารถเข้าไปดูรายละเอียดสถานที่ ศูนย์วิปัสสนา ธรรมกมลา ได้ที่นี่ค่ะ
แนวทางการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ของท่านอาจารย์ โกเอ็นก้า คือ การนั่งสมาธิ เพียงอย่างเดียว โดยเริ่มจากการฝึก อานาปานสติ ตามด้วยการทำวิปัสสนา ซึ่งรายละเอียดการฝึกสามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ ที่นี่
เราต้องทำการลงทะเบียนล่วงหน้า ว่าเราต้องการไปปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ฯ ไหน วันเวลาไหน โดยเข้าไปดูตารางการอบรมได้ ที่นี่ ซึ่งเค้าจะมีจัดตารางไว้ล่วงหน้าตลอดทั้งปี มีทั้งแบบ 10 วัน, 3 วัน, และหลักสูตรระยะยาว เลือกวันและสถานที่ที่สะดวก จากนั้นทำการลงทะเบียนได้เลย หากลงทะเบียนสำเร็จ จะมีอีเมลตอบรับจากศูนย์ฯ เพื่อให้เราทำการยืนยันกลับไปอีกทีว่าจะสามารถไปเข้าร่วมได้หรือไม่ แนะนำว่าควรลงทะเบียนไว้ล่วงหน้านาน ๆ หน่อย เพื่อให้ได้ตามตารางที่เราสะดวกที่สุด เพราะบางทีรอบที่เราต้องการไปอาจจะเต็มค่ะ คราวนี้บุ๊งสะดวกไปปฏิบัติธรรมของ อ. โกเอ็นก้า กรุงเทพฯ
เนื่องจากบุ๊งเป็น ศิษย์เก่า ที่เคยผ่านการอบรมแบบ 10 วันมาแล้ว จึงสามารถเข้าคอร์สได้ทั้งแบบระยะสั้น 3 วัน และแบบ 10 วัน ครั้งนี้บุ๊งไปแบบ 3 วัน ซึ่งก่อนสมัครมีอะไรบางอย่างที่ทำให้บุ๊งรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องไปปฏิบัติธรรม ไปใช้เวลาฝึกสมาธิ ตั้งสติอยู่กับตัวเอง และตารางเวลาทุกอย่างเปิดทางให้บุ๊งไปนั่งสมาธิได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องโลกภายนอกใด ๆ ส่วนตัวบุ๊งชอบแนวทางการสอนของท่านอาจารย์โกเอ็นก้ามาก คิดว่าถูกจริตกับเราที่สุด
สำหรับหลักสูตร 3 วัน จริง ๆ นับเป็น 3 วันครึ่งไปได้เลยค่ะ เพราะวันแรกถือเป็นวันเดินทางไปที่ศูนย์ เราควรไปถึงที่นั่นประมาณ 15.00 – 17.00 น. เพื่อทำการลงทะเบียน และเตรียมตัวให้พร้อมรับการฝึกอบรม ซึ่งการนั่งสมาธิครั้งแรกจะเริ่มคืนวันที่เดินทางเลย วันถัดมาถึงจะนับเป็นวันที่ 1 ส่วนวันที่ 3 คือวันกลับ โดยจะเสร็จสิ้นช่วงประมาณ 15.30 – 16.00 น.
คอร์สที่บุ๊งไปคือ วันที่ 18 – 21 กุมภาพันธ์ 2564 อาจารย์ผู้สอนคือ อ. เย็นตา ไตรเนตร เดินทางไปวันพฤหัสที่ 18 ถึงศูนย์ฯ ตอน 5 โมงเย็น และกลับวันอาทิตย์ที่ 21 ออกจากศูนย์ฯ ประมาณ 4.30 pm ค่ะ
ศูนย์ปฏิบัติธรรม Goenka มีอยู่ในหลายจังหวัด กระจายอยู่ทั่วประเทศไทย สำหรับกรุงเทพมหานคร ชื่อ ศูนย์ฯ ธรรมธานี (Dhamma Dhani) แถวคลองสามวา เนื่องจากบุ๊งเคยไปแค่ 2 ที่ คือ ธรรมกมลา จ.ปราจีนบุรี และ ธรรมธานี จ.กรุงเทพฯ จึงสามารถบอกความแตกต่างได้แค่สำหรับ 2 ศูนย์นี้เท่านั้นค่ะ จะไม่มีข้อมูลของที่จังหวัดอื่นเลย
ครั้งนี้สถานที่อยู่ไม่ไกลมาก บุ๊งก็เลยขับรถไปเอง สามารถจอดรถภายในบริเวณศูนย์ฯ ได้ค่ะ ไปถึงก็ลงทะเบียนให้เรียบร้อย ธรรมบริกรจะแจ้งว่าเราพักห้องไหน ให้หยิบ ผ้าเช็ดจาน และ ชุดเครื่องนอนไปอย่างละ 1 ชุด แล้วก็ไปเก็บของที่ห้อง จากนั้นค่อยมาฝากกระเป๋า ของมีค่า และ โทรศัพท์มือถือที่ตู้ล็อคเกอร์ เห็นว่าเมื่อก่อนเราต้องนำกุญแจไปล็อคเอง แต่วันที่บุ๊งไป เค้ามีล็อคไว้ให้พร้อม ไม่ต้องนำไปก็ได้ค่ะ
ตลอดเวลาอยู่ในอาคาร เราต้องถอดรองเท้าที่ใส่มา แล้วเปลี่ยนเป็น slippers สามารถนำมาเองส่วนตัวก็ได้ หรือใช้ของที่เค้ามีไว้บริการก็ได้เช่นกัน
ทุกอย่างที่นี่จะแยก ชาย หญิง และแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง มีฉากกั้นไม่เห็นโซนผู้ชายเลย ห้องนอนแบ่งเป็น Bay (หรือกลุ่มห้อง) ฝั่งผู้หญิงมี 4 bays แต่ละ bay มี 22 ห้อง เท่ากับว่าในหนึ่งคอร์ส รับผู้หญิงได้เต็มที่ประมาณ 80 คน +-
ห้องพักเป็นห้องเดี่ยว ขนาดประมาณ 2 x 2 เมตร ถือว่าห้องค่อนข้างเล็กมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับห้องที่ศูนย์ฯ ธรรมกมลา แต่ก็เพียงพอสำหรับการนอนพักผ่อน ครึ่งห้องเป็นเตียง อีกครึ่งที่เหลือมีตู้ชั้นสำหรับวางของ และพื้นที่ว่างอีกเล็กน้อย
ภายในห้องมี เตียงนอน พร้อมฟูก หมอน ชั้นวางของ ราวสำหรับแขวนเสื้อผ้า ไม้แขวนเสื้อ พัดลมตั้งโต๊ะ เก้าอี้พลาสติกสำหรับนั่งกินข้าว ชุดจานชาม ปลั๊กไฟ มีแค่นี้เลยจริง ๆ
ชุดเครื่องนอนที่เค้าให้มา มีผ้าปูที่นอน ปลอกนวมสำหรับหมอน ปลอกหมอนชั้นใน ปลอกหมอนชั้นนอก ผ้าห่ม หากใครหนาว สามารถขอผ้าห่มเพิ่มได้ บุ๊งเอามาเพิ่มอีก 2 ผืน และนำปลอกหมอนส่วนตัวมาใช้ด้วยค่ะ
จัดเตียงเรียบร้อย
ศูนย์ฯ ธรรมธานี เป็นที่เดียวที่มีแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ ภายในห้องนอน และห้องปฏิบัติรวม แต่แอร์จะไม่ได้เปิดตลอดเวลา สำหรับห้องปฏิบัติรวม จะเปิดแอร์ทุกครั้งที่มีการเข้าไปนั่งสมาธิ ส่วนในห้องนอน จะเปิดแค่ช่วงกลางวันหลังกินข้าวเที่ยง จนถึงบ่ายโมง และเปิดอีกทีตอนประมาณสามทุ่มหลังเสร็จจากนั่งสมาธิรอบสุดท้ายก่อนนอน จนถึงตีสี่ เวลาที่มีระฆังปลุก ช่วงเวลาอื่น ๆ เปิดพัดลมเอาค่ะ แต่บอกเลยว่าไม่ร้อน ด้วยความที่ห้องขนาดเล็ก เปิดพัดลมแป๊บ ๆ ก็หนาวแล้ว
อย่าลืมเตรียมของใช้ส่วนตัวไปให้พร้อม เพียงพอกับการใช้งาน เพราะเค้าไม่มีร้านขายของ สิ่งของที่บุ๊งคิดว่าจำเป็นต้องนำไปคือ
บุ๊งเอาถุงพลาสติกไปด้วย เอาไว้ใช้เวลาอาบน้ำค่ะ เพราะเป็นห้องน้ำรวม เราต้องขนของใช้ส่วนตัวไปที่ห้องน้ำ 1 ถุงเอาไว้ใส่เสื้อผ้าสะอาด อีก 1 ถุงเอาไว้ใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว อิอิ
ที่นี่เป็นห้องน้ำรวม ไม่เหมือนที่ปราจีนบุรี ซึ่งมีห้องน้ำส่วนตัวในห้องพักเลย ห้องน้ำมี 8 ห้องต่อ 1 bay ก็คือ ห้องนอน 22 ห้อง มีห้องน้ำ 8 ห้อง ตอนที่บุ๊งไปเป็นช่วงหลัง COVID-19 ไม่นาน เค้าเปิดรับผู้เข้าปฏิบัติหญิงแค่ 30 คน Bay ที่บุ๊งพัก มีคนใช้ห้องนอนแค่ 7 คน รวมธรรมบริกร ดังนั้น ห้องน้ำเหลือจะพอใช้ค่ะ ไม่ต้องรอคิวใด ๆ
ห้องน้ำสะอาดสะอ้าน เค้าดูแลรักษาความสะอาดได้ดีงามมาก ๆ เลยค่ะ ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกสิ่งหนึ่งที่บุ๊งชอบคือ ที่นี่มี น้ำร้อน (น้ำอุ่น) สำหรับอาบน้ำด้วย เริดมาก อ้อ เค้าจะมีเวลาสำหรับอาบน้ำและซักผ้าด้วย สาเหตุคือเวลาอาบน้ำจะมีเสียงดัง ถ้าเป็นช่วงที่กำลังปฏิบัติธรรม ต้องมีความเงียบสงบ ห้ามอาบน้ำไรงี้ ช่วงเวลาในภาพคือ สามารถอาบน้ำได้ค่ะ
เดินทะลุห้องนอนไปด้านหลัง เป็นโซนสำหรับตากผ้า ตรงนี้ติดทะเลสาบ ลมโกรก อากาศดีมาก เวลาพัก บุ๊งชอบมานั่งจิบกาแฟ สงบดี
หลาย ๆ คนพอได้ยินว่าหลักสูตรวิปัสสนาของท่านอาจารย์ S.N.Goenka เป็นแบบนั่งสมาธิล้วน ๆ ไม่มีการเดินจงกรม หรือทำอย่างอื่น ก็เกิดความรู้สึกว่านั่งสมาธินาน ๆ คงไม่สามารถทำได้หรอก แต่บุ๊งบอกเลยค่ะว่า ทำได้แน่นอน ข้อแรก ถ้าบุ๊งทำได้ ทุกคนทำได้ เพราะปกติเป็นคนใจร้อน ชอบทำอะไรเร็ว ๆ จนบางคนบอกว่าเหมือนเป็นคนไฮเปอร์เลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อเข้าไปอยู่ภายในบริเวณศูนย์วิปัสสนาฯ สภาพแวดล้อมต่าง ๆ รวมถึง facilities (สิ่งอำนวยความสะดวก) ช่วยส่งเสริมให้การนั่งสมาธิเป็นไปอย่างง่ายดาย เช่น ความเงียบสงบ ความสำรวมของผู้ที่เข้าปฏิบัติทุกคน ตารางการฝึกที่มีให้พักเบรคเป็นช่วง ๆ ไม่ได้นั่งยาวนานทีเดียว ฯลฯ
สิ่งที่บุ๊งคิดว่ามีส่วนช่วยส่งเสริมการนั่งสมาธิได้เยอะมาก คือ อาสนะ หรือ เบาะนั่ง ศูนย์ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ที่บุ๊งเคยไปทั้ง 2 ที่ ทั้งปราจีนบุรี และ กรุงเทพฯ ใช้อาสนะ อย่างดี หนา (หนากว่าทุกที่ที่บุ๊งเคยเห็น) นั่งสบาย มีอุปกรณ์เสริมให้ด้วย เช่น หมอนรองใต้เข่า หมอนเล็กสำหรับวางมือ พนักพิงสำหรับเสริมบนอาสนะ หรือหากใครมีปัญหาสุขภาพ ไม่สามารถนั่งแบบขัดสมาธิได้ ก็นั่งบนเก้าอี้ พร้อมเบาะรองนั่งและเบาะสำหรับพิง คือเรียกได้ว่า ทุกอย่างพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าปฏิบัติธรรมทุกคนสามารถนั่งสมาธิได้สบาย ๆ เป็นเวลานาน เนื่องจากเค้าไม่ให้ถ่ายรูปบนห้องปฏิบัติรวม ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปอาสนะ มาให้ดูนะคะ
วันที่ไปถึงวันแรก มีปฐมนิเทศตอน 19.00 น. แล้วเริ่มปฏิบัติพร้อมกันประมาณ ทุ่มกว่า ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็เข้าห้องนอน ตารางของแต่ละวันจะมีแขวนไว้ให้ดูตามภาพ
ส่วนตารางเวลาคร่าว ๆ ก็ประมาณนี้
04:00 น. ระฆังปลุก
04:30 น. – 06:30 น. นั่งปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักส่วนตัว
06:30 น. – 08:00 น. อาหารเช้า
08:00 น. – 09:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
09:00 น. – 11:00 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวม หรือในที่พักส่วนตัวตามที่อาจารย์กำหนด
11:00 น. – 12:00 น. อาหารกลางวัน
12:00 น. – 13:00 น. พักผ่อน
13:00 น. – 14:30 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักส่วนตัว
14:30 น. – 15:30 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
15:30 น. – 17:00 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักตามที่อาจารย์กำหนด
17:00 น. – 18:00 น. พักดื่มน้ำปานะ
18:00 น. – 19:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
19:00 น. – 20:15 น. ฟังธรรมบรรยายในห้องปฏิบัติรวม
20:15 น. – 21:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
21:00 น. – 21:30 น. สอบถามข้อสงสัยกับอาจารย์เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม
21:30 น. พักผ่อน
ผู้เข้าปฏิบัติธรรมทุกคน ต้องถือ ศีล 8 แปลว่า สามารถกินอาหารได้ 2 มื้อคือ มื้อเช้า และ มื้อเที่ยง ส่วนมื้อเย็น จะมีแค่น้ำปานะ และกินเป็นมังสวิรัติเท่านั้น วันที่เดินทางไปถึงศูนย์มีอาหารว่างมื้อเย็นให้ครั้งเดียว หลังจากนั้นวันต่อไปจะมีแค่ มื้อเช้า และ มื้อเที่ยง วันนั้นเป็นผัดวุ้นเส้นใส่ผักและเต้าหู้
โต๊ะวางเครื่องดื่มสำหรับชง ขนมของว่างแบบมังสวิรัติต่าง ๆ ซึ่งสามารถกินได้ทุกอย่าง เฉพาะมื้อเช้าและมื้อเย็น มีน้ำร้อน น้ำเย็นครบครัน
แต่ละคนได้รับ จานหลุม ช้อน ส้อม ถ้วยขนม แก้วน้ำ สำหรับใช้ส่วนตัว ที่นี่สถานที่ไม่ใหญ่มาก ที่นั่งกินข้าวคือ หน้าห้องพักของตัวเอง ตอนแรกที่บุ๊งไปถึง เห็นวงกลมแปะอยู่หน้าประตู ก็แอบงงอยู่ว่าเอาไว้ทำอะไร สุดท้ายก็ถึงบางอ้อ เค้าให้ดันลงมาแล้ว วางถาดหลุมนั่นเอง ส่วนเก้าอี้ในห้องคือเอามาวางนั่งกินข้าวแล้วเก็บเข้าห้องไรงี้
กินข้าวเสร็จ มาล้างจานตรงนี้ เช็ดจานให้แห้ง แล้วเก็บไว้ในห้องตัวเอง สำหรับกินมื้อถัดไป
ไปวิปัสสนาครั้งนี้บุ๊งกินแต่ผักอย่างเดียวเลย โดยเฉพาะผักสดโรยงาคั่วป่นแบบนี้ ชอบมาก สุขภาพดีสุด ๆ
ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น ห้ามพูดคุยกับใครเลย ยกเว้นช่วงเวลาสอบถามข้อสงสัยกับอาจารย์ หรือหากต้องการความช่วยเหลือจากธรรมบริกร เค้าจะให้คุยกับผู้เข้าปฏิบัติคนอื่น ๆ ในวันสุดท้าย ตั้งแต่ช่วงสัมมาวาจา คือพูดคุยกันได้แบบปกติ แต่เมื่อถึงเวลาขึ้นไปห้องปฏิบัติรวม ก็คือห้ามคุยกันเหมือนเดิม ตอนที่เค้าให้คุยกันได้นี่แหละ ที่บุ๊งได้กัลยาณมิตรมาเพิ่มอีกหลายคน
การมาปฏิบัติธรรมที่นี่ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะเค้าใช้เงินบริจาคจากคนที่มาปฏิบัติรุ่นก่อน ๆ มาดำเนินงาน ในวันสุดท้ายก่อนจบคอร์สอบรม จะมีปัจฉิมนิเทศ ตอนนี้เราสามารถบริจาคทุนทรัพย์ของเราเพื่อให้ผู้ปฏิบัติรุ่นต่อ ๆ ไปได้ตามศรัทธา สามารถบริจาคเป็นเงินสด โอนเข้าบัญชี หรือใช้บัตรเครดิต โดยทางศูนย์ฯ จะออกใบเสร็จรับเงินให้เรียบร้อย
ก่อนออกจากศูนย์ฯ ให้เราถอดปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน และนำผ้าทุกอย่างในห้อง ไปวางกองไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาเก็บผ้าไปซักต่อไป และทำความสะอาดห้องพักเราเองให้เรียบร้อย ประมาณว่า ตอนเราเข้ามาเป็นยังไง ก่อนออกไปก็จัดไว้ให้เหมือนเดิม
วันกลับหน้าตาสดชื่นมากมาย รู้สึกเหมือนได้มา refresh ตัวเอง ใช้เวลาอยู่กับตัวเรา ได้ฝึกสมาธิ มีสติมากขึ้น หากใครมีโอกาส บุ๊งอยากให้มาลองปฏิบัติธรรมดูค่ะ เรื่องนี้ทำแทนกันไม่ได้และไม่รู้จะบอกเล่ายังไงให้เข้าใจ ต้องปฏิบัติด้วยตนเอง ดีที่สุด
Until next time…
Lahnyai Nusara หลานยาย นุสรา หนึ่งในร้านอาหารไทยของเชฟต้นแห่ง Le Du เชฟอาหารไทย มิชลิน 1 ดาวนำเสนอ อาหารไทย สูตรดั้งเดิมชาววัง โดยใช้เทคนิคการปรุงอาหารแบบตะวันตก แต่ละจานมีลูกเล่นและเสน่ห์ความเซอร์ไพรส์ https://youtu.be/AH8VocgrWKg\ Lahnyai Nusara หลานยายนุสรา…
บุฟเฟ่ต์ อาหารญี่ปุ่น Miyagi Fuji Super 39 รวมซูชิ โอโทโร่ ชูโทโร่ อากามิ แบบไม่อั้น อันนี้ดีงามจริง ข้าวซูชิปรุงรสดี ไม่ปั้นข้าวบีบแน่นจนเกินไป https://youtu.be/inzLKmEHPmo…
เมนูใหม่ล่าสุดของ เชฟต้น แห่ง LE DU ร้านอาหารไทยที่ได้รับ 1 Michelin Star และติดอันดับ 40 World's 50 Best Restaurant…
มื้อค่ำสุด exclusive @ Restaurant POTONG | 1 MICHELIN Star เชฟแพม ร่วมกับ AWC Thailand จัด charity dinner…
Ramenga ราเมงอะ ラーメン ราเมงเส้นสด ราคาไม่แรง ฟีลญี่ปุ่นแบบกินได้ทุกวัน ที่น่าสนับสนุนที่สุด คือ โครงการปันอิ่ม แจกราเมงฟรีทุกสาขา ๆ ละ 10 ชาม คลิปรีวิวร้าน ราเมงอะ ラーメン…
สำรับมื้อกลางวัน ใหม่ล่าสุดที่ Front Room | Waldorf Astoria Bangkok กับราคานี้ ปริมาณเท่านี้ คุณภาพระดับนี้ คือคุ้มมากสำหรับ Waldorf Front RoomWaldorf Astoria Bangkok Lower…
This website uses cookies.
View Comments
Great information. Exactly what I'm looking for. Thank you.
You're welcome.