ใครที่อยากหัด เรียนทำขนม เค้ก เบเกอรี่ ทั้งสไตล์ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ก่อนที่จะลงเรียนสักคอร์ส บุ๊งเชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้ว่าโรงเรียนนี้ สอนเป็นยังไง อยู่ในห้องเรียนจะได้ทำอะไรบ้าง ครูสอนดีมั้ย มีคอร์สสอนทำอะไรบ้าง ฯลฯ วันนี้เรามีคำตอบ บุ๊งจะมาแบ่งปันประสบการณ์ การไปเรียนทำขนมที่ Sweets Cottage กันค่ะ
Sweets Cottage Cooking Studio
โรงเรียนอยู่ย่านสาทร-เจริญราษฏร์ 46/28 ถนนเจริญราษฎร์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม.10120
Tel. 096-194-1055, 02-164-1084
https://www.sweetscottage.com/
https://www.facebook.com/sweetscottage/
Closed on Monday
โรงเรียนสอนทำขนม Sweets Cottage มีคอร์สหลายแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นแบบระยะยาว 8 สัปดาห์คือเรียนแบบฝึกทำเป็นอาชีพ เมื่อเรียนจบได้ใบ certificate พร้อมที่จะทำงานต่อในธุรกิจทำอาหารหรือขนมได้เลย และมีคอร์สระยะสั้นแบบเลือกเรียนเฉพาะเมนูที่สนใจ ซึ่งบุ๊งเรียนเป็นแบบอย่างหลังโดยครูจะสอนแบบตัวต่อตัว เรียกว่า Private Class นั่นเอง
Private Class คลาสแบบเรียนตัวต่อตัว
คลาสนี้แบ่งเป็น 3 levels คือ Basic, Intermediate, และ Advance สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานการทำขนมมาก่อนควรเลือกเรียนระดับ basic ซึ่งในแต่ละ level ก็จะมีเมนูให้เลือกเรียนตามระดับความยากง่าย อย่างตัวบุ๊งเองมีพื้นฐานการทำขนมมาระดับหนึ่ง เลยเลือกเรียนเมนูระดับ Advance ไปเลย อิอิ การเรียนแบบ private หรือตัวต่อตัว ดีมาก ๆ ตรงที่เราได้เรียนกับครูแบบใกล้ชิด ถามคำถามได้ตลอดเวลา ครูก็ตอบคำถามแบบไม่กั๊กแม้แต่น้อย
การสมัครเรียน
อันดับแรกเราก็เข้าไปดูที่เว็บไซต์ของโรงเรียนกันก่อนว่ามีคลาสอะไรให้เลือกเรียนบ้าง คลิกที่นี่ https://www.sweetscottage.com/private-1 เราสามารถเลือกได้ว่าจะเรียนครึ่งวันหรือเต็มวัน สำหรับครึ่งวันใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แบ่งเป็นช่วงเช้า 9.30 น. และช่วงบ่ายเริ่ม 13.30 น. ใน 3 ชั่วโมง เราต้องเลือกอย่างน้อย 2 เมนูค่ะ เช่น บุ๊งไปเรียนครึ่งวัน ช่วงบ่าย เริ่มเรียนบ่ายโมงครึ่ง เลือกเรียนทั้งหมด 3 เมนู อย่างเพื่อนอีกคนที่ไปเรียน เค้าเลือกเรียนเวลาเดียวกัน แต่เลือกเพียง 2 เมนู เมื่อได้เมนู วัน เวลาที่ต้องการจะเรียนแล้วก็ติดต่อไปทางโรงเรียนเลยค่ะ ถ้าห้องเรียนว่าง ทางโรงเรียนจะคอนเฟิร์มกับเราทันที
เรียนเดี่ยวหรือคู่?
เนื่องจากเป็นคลาสเรียนแบบ private ก็จะเป็นครู 1 คน สอนนักเรียน 1 คน ซึ่งเราก็จะได้ station การทำขนมมาเป็นของเราส่วนตัว มีพื้นที่ในการหยิบจับ ผสม เครื่องผสมอาหาร เตาอบ สำหรับเราโดยเฉพาะ แต่ถ้าเรามากับเพื่อน แล้วอยากเรียนพร้อมกัน คู่กันไปเลย ช่วงนี้เค้ามีโปรโมชั่น 1 แถม 1 ก็คือเพื่อนมาเรียนกับเราด้วยกันได้ แต่เป็นการแชร์ work space หรือพื้นที่การทำขนม ก็คือเหมือนกับการมาเรียนคู่กันนั่นเอง อาจจะสลับสับเปลี่ยนกันหัดทำ หรือผลัดกันจด ผลัดกันถ่ายรูป ฯลฯ
ค่าเรียน
ค่าเรียนสำหรับแต่ละคลาส แต่ละเมนูจะไม่เท่ากัน ถ้าระดับ basic จะเริ่มต้นอยู่ที่ 2,600 บาท สำหรับระดับ Advance เมนูที่บุ๊งเรียนอยู่ที่ประมาณ 4,000 บาทขึ้นไปต่อเมนู เนื่องจากขั้นตอนการทำยาก ซับซ้อน และใช้วัตถุดิบมากกว่า เมนูแบบ basic หรือ intermediate มากนัก เมนูที่บุ๊งเลือกเรียนครั้งนี้มี 3 เมนูได้แก่ Durian Double Cheese (4,400 B), Sleeping Beauty (4,200 B), และ Mangosteen (4,500 B)
การเรียนการสอน
ครูที่สอนแต่ละเมนูของบุ๊งเป็นคนละคนกันหมดเลยค่ะ นั่นก็คือบุ๊งเรียน 3 เมนู ได้เรียนกับครู 3 ท่านด้วยกัน เมื่อไปถึงเค้ามีจัดเตรียมวัตถุดิบที่จะทำเมนูแรกไว้ให้เรียบร้อย ห้องเรียนอยู่ชั้น 3 จะมีพนักงานพากดลิฟท์ขึ้นไป เตรียมตัว ผูกผ้ากันเปื้อนพร้อมแล้วก็ลงมือทำได้เลย บนโต๊ะมีอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อม เครื่องผสมอาหาร ไม้พาย สูตรขนม ฯลฯ เมนูแรกที่บุ๊งทำคือ Durian Double Cheese สอนโดยครูอ๊อบ ซึ่งทางโรงเรียนเค้าจะมีการจัดการแพลนไว้เรียบร้อยว่าเราควรเรียนเมนูอะไรก่อนหลัง เนื่องจากขนมแต่ละแบบจะมีขั้นตอนการทำ การเตรียม ผสม อบ ประกอบร่าง ใช้เวลาไม่เท่ากัน หลังจากผสมส่วนนี้ของเมนูแรกเสร็จ นำเข้าอบเรามีเวลารอ ครูที่จะสอนเมนูถัดไปก็เตรียมของมาพร้อมให้เราเริ่มเรียนเมนูที่ 2 กันเลย อันนี้ดีมากมายเพราะเราจะได้ไม่เสียเวลารอระหว่างช่วงอบขนม
ระหว่างเรียน ครูจะอธิบาย แนะนำ เทคนิคต่าง ๆ แบบไม่หวงวิชา และยังบอกด้วยว่า สูตรนี้ใช้วัตถุดิบแบบไหน ยี่ห้ออะไร สามารถหาซื้อที่ไหนได้บ้าง เราขอครูดูแพคเกจของวัตถุดิบแต่ละอย่างได้เลย อย่างเมนูนี้ใช้ครีมชีส ครูอ๊อบก็บอกเหตุผลว่า ทำไมถึงเลือกใช้ครีมชีสยี่ห้อนี้ หรือใช้เนยสดยี่ห้ออะไร
ระหว่างที่ครูสอน เราก็ทำตามไปด้วยเลยค่ะ ตรงนี้คือเราเรียนจริง ได้ลงมือทำจริง ๆ ในภาพบุ๊งผสมชีสเค้กเสร็จ เทใส่พิมพ์เพื่อจะนำไปอบ ระหว่างที่รออบนี้เอง ครูแพท ครูท่านต่อไปที่จะสอนเมนู Mangosteen ก็เดินยิ้มเข้ามาพร้อมวัตถุดิบเมนูที่ 2
อันนี้บุ๊งขอเขียนบล๊อกแยกเป็นเมนู ๆ ไปเลยนะคะ จะได้ไม่งง หลังจากที่ชีสเค้กอบเสร็จเรียบร้อย นำไปพักให้เย็น พร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป ครูอ๊อบคนเดิมก็กลับมาพร้อมสอนทันที ช่วงเวลาที่ครูอธิบาย บุ๊งยิงคำถามตลอดเลย เช่น เมอแรงก์ต้องตีตั้งยอดประมาณไหน การบดทุเรียนถ้าไม่ใช้เครื่องปั่น เราทำวิธิไหนได้บ้าง เราจำเป็นต้องใส่ส่วนผสมนี้มั้ย ถ้าไม่มี สามารถใช้อะไรแทนได้บ้าง ฯลฯ
ครูบอกหมด แม้กระทั่งเหตุผลว่าทำไมเลือกใช้พลาสติกแบบแข็งแทนการเทใส่พิมพ์มูส
เสร็จแล้ววววววววววววววววววววววววววว Durian Double Cheese ของเรา น่ากินเนอะ กลิ่นหอมมาก ขอบอก ก้อนนี้ใช้ทุเรียนหมอนทองมาทำค่ะ ของโปรดเลย อ้อ! ลืมบอกไปว่า บางเมนูก็เป็นเมนู seasonal นั่นหมายถึงมีเฉพาะบางฤดูกาลเท่านั้น อย่างเช่น เค้กทุเรียน เค้กมังคุด จะมีเฉพาะช่วงฤดูที่มีผลไม้ประเภทนี้เยอะ ในขณะที่บุ๊งเรียนนี่คือเดือน กรกฏาคม 2018 ค่ะ
ขนมที่ทำเสร็จ ถ้าเราจะทานเลยก็ได้ หรือเราจะนำใส่กล่องกลับบ้านก็ได้ค่ะ อย่างบุ๊งมีงานต้องไปต่อตอนเย็น ก็เลยนำใส่กล่องกลับบ้าน แต่ด้วยความที่กลัวเค้กละลายเพราะบุ๊งไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที บุ๊งก็เลยซื้อกล่องโฟมและเจลเก็บความเย็นจากทางโรงเรียน กล่องโฟม 1 กล่อง + เจลเก็บความเย็น 4 แพ็ค รวมราคา 220 บาท
ระหว่างที่กำลังเรียนอยู่ ก็มีคนยกขนมมาเสิร์ฟ ไม่ต้องตกใจไป นี่คือเรื่องปกติ โรงเรียนนี้ใจดี เรียน ๆ อยู่ก็มีขนม ของว่างมาเสิร์ฟให้กินเล่นด้วย
Sleeping Beauty
มาดูเมนูถัดไปกันดีกว่า เมนูนี้มีชื่อว่า Sleeping Beauty ที่บุ๊งเลือกเรียนอันนี้ก็เพราะอยากรู้ว่า ทำยังไงให้ออกมาเป็นรูปเหมือนหมอนสวยงาม ใช้เทคนิคอะไรทำให้ด้านนอกดูเป็นสีเหลืองกำมะหยี่ ครูดิวเป็นครูผู้สอนเมนูนี้ กำลังอธิบายให้บุ๊งฟังอย่างละเอียดเลย ดีจัง
พิมพ์ซิลิโคนรูปนี้นี่เองที่ทำให้เค้กออกมาเป็นลักษณะเหมือนหมอน
นี่คือส่วนที่เรียกว่า Insert หรือไส้ในของขนม ทำจากมะม่วงสุก รสออกเปรี้ยวนำ หวานตาม อร่อยมาก
การตีวิปครีมสำหรับการทำขนมแต่ละประเภท ต้องการความฟู เบา ตั้งยอดไม่เท่ากัน เราต้องตีให้ได้ Whipped Cream ที่เหมาะสม
หลังจากประกอบร่างเสร็จ นำเค้กไปแช่แข็งเพื่อให้คงรูป อยู่ตัว และพร้อมที่จะนำมาตกแต่งเป็นลำดับต่อไป ขั้นตอนที่ทำให้เค้กเป็นสีเหลืองกำมะหยี่สวยงาม ใช้วิธีพ่นสีสเปรย์ ซึ่งตรงนี้บุ๊งไม่เคยทำมาก่อน สนุกมากเลย อิอิ ท่าทางเหมือนยิงปืนเนอะ
ท่าทางของครูดูโปรฯ มาก
เราก็เลยเอาบ้าง อิอิ
ได้สีที่ต้องการแล้ว ก็มาตกแต่งให้สวยงาม
เสร็จแล้วววว Sleeping Beauty ของเรา ปกติบุ๊งไม่ค่อยได้ทำเค้กที่มีความสวย น่ารัก หวานแหววขนาดนี้ นี่เรียกว่าเป็นเค้กก้อนแรก ๆ เลยทำออกมาแบบหวานแหววเลยก็ว่าได้
Mangosteen
มาถึงเมนู Mangosteen แสนน่ารัก สอนโดยครูแพท ผู้ร่าเริง ดูจากรูปได้ เพราะเรียนไป หัวเราะไปตลอดเวลา ไม่เครียดแม้แต่น้อย ครูแพทก็อธิบายละเอียดแบบครูท่านอื่น ๆ ถามไป ตอบมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ได้พูดคุย บุ๊งถามไปว่าสูตรที่ใช้ในการเรียนการสอน บุ๊งสังเกตแล้วไม่ใช่สูตรทั่ว ๆ ไปที่เราพบเห็น อย่าง Mangosteen นี่คือเป็นมูสเค้กแบบหนึงที่ทำรูปร่างให้เหมือนมังคุด โดยมีส่วนผสมของมังคุด สตรอเบอร์รี่และกระเจี๊ยบ ชัดเจนว่าไม่มีขายทั่วไปแน่นอน ครูแพทบอกว่าเป็นสูตรที่ทางโรงเรียนคิดค้นขึ้นเอง คือทำแล้วปรับ ๆ ๆ ๆ จนได้รสชาติที่อร่อย ตามที่ต้องการ
บีบแบบนี้นะคะ ประมาณนี้ก็พอ อย่าบีบเยอะนะคุณบุ๊งงงงง อิอิ
มังคุดอยู่ในส่วนของ Insert หรือไส้ใน ทำเป็นรูปทรงกลม เพราะตัวเค้กเป็นรูปมังคุด
Mangosteen ถือเป็นหนึ่งเมนูที่ได้รับการประยุกต์ให้มีความเป็นไทย ใช้กระเจี๊ยบมาคั้นน้ำทำเป็นมูสผสมกับสตรอเบอร์รี่ ได้ความเปรี้ยวธรรมชาติ เนื่องจากเป็นมูสจึงใส่ครีมสดเพิ่มความหอมมันให้กับขนมชนิดนี้ แถมสีสวยอีกต่างหาก
ขนมที่อยู่ในคลาส Advance จะมีขั้นตอนการทำค่อนข้างเยอะเพราะมีส่วนประกอบหลายส่วน อย่างเมนูนี้ก็มีทั้งแยมมังคุด มูสกระเจี๊ยบสตรอเบอร์รี่ Financier ปกติเป็นเค้กอัลมอนด์สไตล์ฝรั่งเศสอบเป็นชิ้นเล็ก แต่ที่นี่ใส่ Hazelnut แทน almond และเพิ่มความกรุบ ๆ ด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์หั่นหยาบ ตบท้ายด้วยเกลซสีม่วงทำให้ดูเหมือนเป็นลูกมังคุดอย่างแท้จริง
ถึงแม้จะมีหลายขั้นตอน แต่ทำจริงไม่ยากเลยเพียงแต่เราต้องรู้จักบริหารเวลาให้ถูก รู้ว่าทำอะไรก่อนหลัง จะได้ไม่ต้องเสียเวลานั่งรอเฉย ๆ ดูหน้าครูและนักเรียนสิ สนุกสนานเฮฮามาก
เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
นี่คือขั้นตอนการใช้เกลซเคลือบผิวขนม
เสร็จอีกอย่างแล้วววววววว น่ารักมากมาย นี่ขนกลับบ้าน บอกลูกชายว่าเป็นมังคุด ลูกก็เชื่อนะ
นอกจากเมนูขนม เบเกอรี่ต่าง ๆ ที่ Sweets Cottage ยังเปิดสอนวิธีการทำเครื่องดื่ม ชาไข่มุก Frappe โทสต์ ขนมปัง และอื่น ๆ อีกมากมาย แอบกระซิบว่าบุ๊งได้ชิมเมนูโทสต์ลาวาไข่เค็ม และ โทสต์ทุเรียนแล้ว อร่อยมากกกก คือเมนูครบวงจร เรียนจบก็เปิดร้านได้เลย แถมอร่อยด้วย
Until next time…