Lahnyai Nusara หลานยาย นุสรา หนึ่งในร้านอาหารไทยของเชฟต้นแห่ง Le Du เชฟอาหารไทย มิชลิน 1 ดาวนำเสนอ อาหารไทย สูตรดั้งเดิมชาววัง โดยใช้เทคนิคการปรุงอาหารแบบตะวันตก แต่ละจานมีลูกเล่นและเสน่ห์ความเซอร์ไพรส์
Lahnyai Nusara
หลานยายนุสรา
31 Suan Phlu 2 Alley, Mahamek, Sathon, Bangkok 10120 THAILAND
Tel. 062 242 5966
Opening hours:
Mon, Tue, Fri : 6 – 11 pm
Sat & Sun : 12 – 2 pm, 6 – 11 pm
(Closed on Wed & Thu)
Map: https://maps.app.goo.gl/XzDMy8eQjBnS484b7
Parking available
Lahnyai Nusara หลานยาย นุสรา หนึ่งในร้านอาหารไทยของเชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร แห่ง Le Du ที่ได้รับรางวัลมากมาย เช่น 1 Michelin Star หรือ มิชลิน 1 ดาว, อันดับ 40 The World’s 50 Best Restaurants 2024, และ อันดับ 12 Asia’s 50 Best Restaurants ปี 2024
ร้านหลานยายนุสรา ตั้งอยู่ที่ซอยสวนพลู 2 ถ.สาทร อยู่ในบ้านทรงคฤหาสน์หลังใหญ่ มีที่จอดรถด้านหน้าพร้อม
ด้านในตกแต่งเป็นโทนสีเขียว พร้อมโต๊ะหิน เฟอร์นิเจอร์ไม้ เก้าอี้เบาะสีแดง บนกำแพงมีภาพเชฟต้นและคุณยาย ครัวเป็นแบบเปิด สามารถนั่งดูเชฟปรุงอาหารได้แบบเพลิน ๆ
Lahnyai เป็นร้านอาหารไทยที่นำเสนออาหารสูตรชาววัง เชฟใช้เทคนิคการปรุงอาหารแบบตะวันตก ใส่ twist ลูกเล่นต่าง ๆ ตกแต่งจานสวยงามลักษณะ fine dining อาหารจะถูกเสิร์ฟเป็นคอร์ส ที่บุ๊งไปกินครั้งนี้มีทั้งหมด 9 คอร์ส แต่อาหารและขนมที่มาเสิร์ฟนั้น นับรวมแล้วได้ถึง 22 รายการกันเลยทีเดียว
9-Course Menu
ราคา: 3,990 B++
ไม่รวมเครื่องดื่ม (มีแพคเกจเครื่องดื่ม pairing ต่างหาก สามารถสอบถามทางร้านได้เลยค่ะ)
Appetizers
คอร์สแรกเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยมี 3 อย่าง เสิร์ฟพร้อมกัน
กุ้งซ่อนกลิ่น Goong Saawn Glin
Shrimp, pork fat, Som Saa, pickled garlic, peanuts, lime leaves
ด้านล่างคือแผ่นแป้งกรอบทำเป็นรูปกระทงแบน ๆ ใส่เนื้อกุ้ง ปกติจะใส่เนื้อกุ้งดิบ แต่บุ๊งแพ้กุ้งดิบ ทางร้านจึงทำเป็นกุ้งสุกมาให้แทนค่ะ
สะเต๊ะลือ Satay Lue
Chili cracker, pork sausage, cashew nut sauce
แป้งแรพด้านนอกทำจากพริกหวาน สอดไส้ด้วยไส้กรอกหมูผสมสับปะรด และมีซอสเม็ดมะม่วงหิมพานต์ คำนี้เปรี้ยวนำ ไม่หวาน
แกงเหลือง Gaaeng Leuuang
Squid, pomelo, white kombu, garcinia flowers, sour curry
เป็นแกงเหลืองที่ดูไม่เหมือนแกงเหลืองเลยจริง ๆ เสิร์ฟมาในลักษณะถ้วยกระทงกรอบ ใส่ปลาหมึกหั่นเต๋า ด้านบนโรยด้วยคอมบุเส้นทอดกรอบ คำนี้มีรสเปรี้ยวที่สุดในบรรดา 3 คำ
ลาบดิบ Laab
Wagyu beef, Nahm Phrik Laap, lemongrass, caviar
ลาบดิบแบบอาหารเหนื้อ ใช้เนื้อวากิวดิบอย่างดีมาสับและปรุงรสด้วยน้ำพริกลาบเหนือที่ปรุงเอง รสเค็ม เผ็ด ไม่เปรี้ยว ไม่หวาน เสิร์ฟในวงล้อกรอบทำจากหมึกดำ เป็นจานที่อร่อยและบุ๊งชอบมากเลยค่ะ
แกงระแวง Gaaeng Rawaaeng
Rawaaeng curry, gray pomfret fish , black truffle, fried bread
แกงระแวงคือแกงไทยโบราณ สไตล์น้ำขลุกขลิก ที่หลานยายเสิร์ฟแกงระแวงปลาเต๋าเต้ยในแป้งขนมปังทอดกรอบ ซึ่งตัวแป้งมีความกรอบ เนื้อในฟูนุ่ม ไม่หนักแม้แต่น้อย กินร้อน ๆ อร่อยมากค่ะ ด้านบนโรยด้วยเห็ดทรัฟเฟิลดำ
ยำชมพู่ Yam Chompu
Scallop, rose apple, radish
หอยเชลล์ฮอกไกโดหั่นเต๋า เสิร์ฟพร้อมน้ำยำรสเปรี้ยวนำ เผ็ดปานกลาง พรีเซนต์เป็นรูปดอกไม้ ใช้แรดิชและหัวไชเท้าฝานบางนำมาเรียงสลับเป็นกลีบดอกไม้
น้ำพริกมะกรูดกับผักตีน้ำมัน Naam Phrik Magruut Gap Phak Dee Naam Man
Sweet potato agedashi, kaffir lime, shrimp paste, madan, snake fruit
มันหวานนึ่งจนนุ่ม ท็อปด้วยหมูกรอบไม่ติดมัน และน้ำพริกมะกรูด รสหวานเค็ม ด้านบนคือหัวไชเท้าดองรสเปรี้ยวหวาน
แกงมัสมั่น Gaaeng massaman
Massaman curry, roti, 14 day aged duck
แกงมัสมั่นเนื้อเป็ดที่ผ่านการดรายเอจมาเป็นเวลา 14 วัน เสิร์ฟพร้อมแป้งโรตีทอดกรอบ และแกงมัสมั่นที่ออกรสเปรี้ยวนำ ไม่หวานมาก
เนื้อเป็ดมีความนุ่มฉ่ำ ไม่แห้งเลยแม้แต่น้อย
แป้งโรตีกรอบ กินกับแกงมัสมั่นรสเปรี้ยวนำ เข้ากันมาก ๆ
Main course
สำรับ Samrub
ในมื้ออาหารไทย สำรับหมายถึงการเสิร์ฟข้าวและกับข้าวหลายอย่าง ออกมาเป็นสำรับ ซึ่งที่หลานยายเสิร์ฟสำรับเป็นจานหลัก โดยจะมีข้าว 2 แบบคือข้าวหอมมะลิและข้าวกล้อง ส่วนกับข้าวจะประกอบไปด้วย
แกงโฮะ Gaaeng Ho
Beef short rib curry, grapes, green peppercorns, thai basil
แกงโฮะเป็นแกงของทางภาคเหนือ ปกติจะเป็นแกงที่ใส่รวมผักหลายอย่าง สำหรับที่ร้านหลานยาย จะเสิร์ฟพร้อมเนื้อ short ribs ใส่องุ่น พริกไทยอ่อน และใบโหระพา เนื้อนุ่มมาก ๆ เลยค่ะ เคี้ยวง่าย ไม่มีส่วนแข็งหรือแห้งเลย ตัวแกงก็มีรสชาติเข้มข้น กินกับข้าวอร่อยมาก บุ๊งชอบเมนูนี้เป็นอันดับหนึ่ง
ไก่ใต้น้ำ Gai Tai Nam
Chicken soup, shredded bamboo, kaffir lime leaf oil
น้ำซุปไก่ใส่สมุนไพรไทยและหน่อมไม้สดขูดฝอย รสชาติเปรี้ยวนำ กินแล้วสดชื่น
ยำตะลิงปลิง Yam Dtaling Bplinga
Blimbi, squid and pig ear salad, pomelo, candied sesame seeds
ยำใส่เนื้อปลาหมึกและหูหมูหั่นเต๋า ส้มโอ ตะลิงปลิง ตรงกลางเป็นแครกเกอร์งาดำและงาขาวที่ทำเป็น candied หรือมีความกรอบหวานคล้ายลูกอม จานนี้รสชาติเปรี้ยวนำ โดยจะได้รสหวานจากส้มโอและแครกเกอร์งา
น้ำพริกมะแขว่น Naam Phrik Maakwen
Maakwen relish, dragon fruit, green mango
ด้านล่างสุดคือแตงกวา ท็อปด้วยมะม่วงดิบและน้ำพริกมะแขว่นซึ่งมีส่วนผสมของระกำ คำนี้มีรสเปรี้ยวนำอย่างเดียว ไม่มีรสหวานเลยค่ะ
ดอกขจรคั่วเป็ด Dok kha Jorn Ped Khua
Stir fried cowslip flower with duck
เป็นจานที่หอม อร่อยแบบเซอร์ไพรส์มาก เปิดฝามาได้กลิ่นหอมกระทะ ดอกขจรคั่วกระทะไฟแรงกับเนื้อเป็ดสับ อร่อยแบบชอบมาก ๆ เลยค่ะ
Desserts
ส้มฉุน Som Choon
Fresh coconut cream, lychee and champagne granita, dried shrimp, fried shallots
ขนมหวานจานแรกคือส้มฉุน ขนมไทยโบราณที่กินแล้วสดชื่นเป็นที่สุด บุ๊งชอบมากค่ะ ในนี้มีครีมมะพร้าวเพิ่มความครีมมีเล็กน้อย ด้านบนคือกรานิต้าแชมเปญ ใส่กุ้งแห้ง หอมเจียว และลิ้นจี่ อร่อยเลย
หมี่กรอบส้มซ่าทรงเครื่อง Mee Krob
Thai tea ice cream, black Tea Mousse, dry shrimp, pop corn
หมี่กรอบ ที่เสิร์ฟมาในลักษณะขนมหวาน ประกอบด้วย ไอศกรีมชาไทย ครีมมีหอมมัน รสเข้มข้น มูสชาดำ กุ้งแห้ง ด้านล่างคือป๊อปคอร์นกรอบ ๆ โอเว่นชอบถ้วยนี้ค่ะ
Dessert trolley
ขนมหวานยังไม่หมดแค่นั้น พนักงานเข็นรถเข็นขนมหวานมาเสิร์ฟเพิ่มอีก มีทั้งหมด 7 รายการ โดยเราสามารถเลือกรับเพียง 1 หรือกี่รายการก็ได้ หรือจะรับทั้งหมดก็ได้เช่นกัน แน่นอนว่าบุ๊งรับทุกอย่างโดยให้ลูกชายกินขนมที่มีส่วนผสมของ chocolate ไปค่ะ
ทาร์ตทุเรียนเสาวรส เปรี้ยวนำ ทาร์ตกรอบ
โคนเปียกปูน ด้านบนคืองาตัด
เจลลี่ฝรั่งแช่บ๊วย
โดนัทใบเตย ท็อปด้วยใบมะกรูดทอดกรอบ
Apple oxidise cake ด้านในมีแยมกล้วย โอเว่นชอบ
Chocolate truffle ไส้เสาวรส
Baba Regency ขนมปังไส้ซินนามอน นุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมชีสมาสคาโปเน และ มูสไวท์ช็อกโกแลต
ก่อนกลับได้รับคุกกี้เป็นของที่ระลึกด้วยค่ะ เป็นอีกร้านที่ประทับใจการจัดจ้านและความคิดสร้างสรรค์ เชฟทำออกมาได้อร่อย ไม่ผิดหวังค่ะ
รีวิวอาหารไทย fine dining:
- LE DU | 1-Michelin Star & No.40 World’s 50 Best Restaurant 2024
- Restaurant POTONG มื้อค่ำสุด exclusive ณ ร้านมิชลิน 1 ดาว
- สำรับมื้อกลางวัน Front Room | Waldorf Astoria Bangkok
- Thiptara Rice Journey | The Peninsula Bangkok
Until next time…