Thai Food

Khao รีวิว อาหารไทย ระดับ MICHELIN 1 ดาว สาขา Ploenchit


Khao รีวิว ร้านอาหารไทย รสดั้งเดิม ระดับ MICHELIN 1 ดาว กับ Tasting menu ทั้งหมด 17 อย่าง ที่ไม่ได้มาแบบจานละคำ ห้ามพลาดหมี่กรอบและผัดพริกขิงปลาดุกฟู

Khao

Phloen Chit branch

Piya Place Tonson Building 34/1 Ploenchit Rd. Lumpini Patumwan Bangkok 10330
Tel. +662 252 1619, +6693 505 0055
http://www.khaogroup.com/
https://www.facebook.com/khaogroup

Opening hours

    Lunch : 12:00 – 14:00 hrs
Dinner : 18:00 – 22:00 hrs

Parking available
Map: https://goo.gl/maps/8xntMt1U8MZU6jdn7

Khao รีวิว ร้านอาหารไทย ระดับมิชลิน 1 ดาว มี 2 สาขา คือ สาขาแรกในซอย เอกมัย สุขุมวิท 63 ได้รับรางวัล 1-star MICHELIN ในปี 2021  และเพิ่งเปิดสาขาที่ 2 ในซอยต้นสน เพลินจิต ไม่นาน 

ครั้งนี้บุ๊งมารีวิวที่สาขา เพลินจิต อยู่ในอาคาร Piya Place สามารถจอดรถที่บริเวณหน้าร้านได้เลยค่ะ  ร้านเปิด 2 ช่วงเวลาคือ มื้อเที่ยงตั้งแต่เที่ยง ถึง 2 pm และมื้อเย็น 6 pm – 10 pm  ร้าน Khao (ข้าว) มี concept คือ ร้านอาหารไทยที่เสิร์ฟอาหารแท้ รสชาติดั้งเดิม ไม่ใช่อาหารฟิวชั่น  หากใครชอบกินอาหารไทยแบบ authentic รสเข้มข้น จัดจ้าน ให้มาที่นี่  เชฟบรรจงทำทุกเมนูด้วยความตั้งใจ และใส่ใจในทุกรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นการคัดสรรวัตถุดิบ การปรุงรสชาติ แม้กระทั่ง การเลาะก้างปลาเศษเล็ก เศษน้อยออก เพื่อไม่ให้มีส่วนเกินในทุก ๆ คำที่ลูกค้าได้กิน

ท่านนี้คือ เชฟสันติ ผู้ดูแลและบริหารครัว ร้านข้าว สาขาเพลินจิต

Tasting menu


วันนี้บุ๊งมาชิมเป็น Tasting menu ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าตอนแรกที่เห็นคำว่า tasting menu ด้วยความที่เป็นร้านระดับมิชลิน บุ๊งก็คิดไปเองว่า เค้าคงจะเสิร์ฟอย่างละนิดละหน่อย  ไม่ได้คาดหวังว่าจะอิ่มใด ๆ  กะว่าไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไรงี้ ปรากฏว่า พอเค้ายกอาหารมาเสิร์ฟทีละจาน ๆ จนมาถึง main course เท่านั้นแหละ บุ๊งก็คุยกับน้องสาวที่ไปด้วยกันว่า อาหารเยอะกว่าที่คิด ไม่ได้มาแบบจานละคำ แต่มาเป็น portion ใหญ่พอสมควรเลย

Tasting menu มีทั้งหมด 4 sets ให้เลือก ราคาเริ่มต้นคือ 950 B++ จนถึง ราคา 2,300 B++ ซึ่งเซ็ทที่บุ๊งรีวิวคือแบบราคา 2,300 บาท++ มีทั้งหมด 17 อย่าง

Appetizers


อาหารเรียกน้ำย่อย หรืออาหารว่างแบบไทย ๆ มีทั้งหมด 7 อย่าง ดังนี้


อาหารว่างแบบนึ่ง

ในจานนี้มี 3 เมนูคือ ขนมจีบไทยไส้ไก่ ทำเป็นรูปนก ด้านในเป็นไส้ไก่สับผัด รสเปรี้ยวหวาน, ปั้นสิบไส้ปลา เชฟใช้ปลากะพง นำมายีจนละเอียดนุ่ม และ ช่อม่วงไส้หมู สีม่วงมาจากดอกอัญชันนั่นเอง  ในจานมีผักสด กระเทียมเจียว พริกขี้หนู มาให้ เผื่อใครชอบกินแบบห่อผักเหมือนเมี่ยงก็สามารถทำได้  บุ๊งลองแล้ว แนะนำว่าถ้าใส่พริกขี้หนู ห่อผักสด จะช่วยดึงรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น

อาหารว่างแบบทอดและยำ


มี 4 เมนู โดยเชฟเสิร์ฟแยกเป็นจานละ 2 เมนู ให้มีทั้งอาหารทอด และ ยำ ในจานเดียวกัน  จานแรกคือ หมี่กรอบและยำส้มโอกุ้ง  บอกเลยว่าหมี่กรอบดีมาก เส้นหมี่นำไปทอดจนกรอบ แล้วเคล้ากับซอสใส่ส้มซ่า ออกรสเปรี้ยวหวาน  เสิร์ฟในกระทงทอง  คำนี้อร่อยมากค่ะ กรอบทั้งคำ ทุกส่วน ไม่มีเศษแข็ง ๆ เลย

ยำส้มโอกุ้ง  ใส่มาในถ้วยขนาดไม่ใหญ่มาก ตอนแรกคิดว่าคงมีนิดเดียวแหละ  แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลย  เชฟใช้กุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่ เนื้อหวาน นำไปเคล้าแป้งเล็กน้อยแล้วทอดพอสะดุ้งไฟ  เสิร์ฟพร้อมยำส้มโอขาวน้ำผึ้ง ในน้ำยำใส่หัวกะทิลงไปด้วยเพื่อความความเข้มข้น หอมมัน


ทอดมันหินแกรนิต เสิร์ฟพร้อม ๆ กับ ยำเนื้อย่างออสเตรเลียองุ่นแดงไร้เมล็ด  ชื่อ ทอดมันหินแกรนิต มาจากเวลาผ่าครึ่งแล้ว ด้านในดูเหมือนหินแกรนิต  ทอดมันกุ้ง ผสมปลาหมึกเพิ่ม texture หนึบหนับ ใส่หมึกดำ ทำให้ทอดมันเป็นสีดำนั่นเองค่ะ

ยำเนื้อย่างออสเตรเลียองุ่นแดงไร้เมล็ด เนื้อนุ่มมากกกกกกกและย่างจนมีกลิ่นหอม  ในจานนี้มีเนื้อ Australian 4 ชิ้น น้ำยำเปรี้ยวนำ ไม่หวาน และเผ็ดทีเดียว  ความหวานในเมนูนี้ได้มาจากองุ่นแดงล้วน ๆ

Soup


ซุปหรือน้ำแกง มีให้เลือก 2 อย่าง (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) คือ แกงส้มกุ้งแม่น้ำ และ แกงเลียงกุ้ง  ทั้ง 2  เมนู ใช้กุ้งแชบ๊วย ตัวใหญ่อวบอ้วนและสดมาก  หากใครชอบรสจัดจ้าน แนะนำว่าให้สั่งแกงส้มกุ้งแม่น้ำ เพราะน้ำแกงส้มรสเข้มข้น เปรี้ยวนำ ไม่หวาน รสจัดจ้าน 

ใครชอบสไตล์ซุปใสหน่อย สั่งแกงเลียงกุ้งเลยค่ะ ถึงจะเป็นซุปแบบใส แต่รสจัดจ้าน หอมกะปิ

Main dishes


อาหารจานหลักมี 6 อย่าง ซึ่งแต่ละจานมาแบบไม่น้อยเช่นกัน  ช่วงนี้เค้าก็จะเสิร์ฟข้าวเพื่อให้กินกับอาหารจานหลัก  ข้าวที่เสิร์ฟมี 2 อย่างในถ้วยเดียว สีขาวคือ ข้าวหอมมะลิ ส่วนสีแดงคือ ข้าวหอมมะลิแดง มาพร้อม พริกน้ำปลา พริกซอยละเอียด ใส่กระเทียมฝานบาง ใส่น้ำมะนาวเล็กน้อย พริกน้ำปลาอร่อย

แกงปูใบชะพลู เนื้อปูเป็นก้อนใหญ่ ไม่ได้มาแบบชิ้นเล็ก ๆ เครื่องแกงตำเอง เข้มข้น หอมกลิ่นใบชะพลู

เชฟพยายาม balance ให้อาหารในเซ็ทมีครบทุกรส ทั้ง เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด และ ไม่เผ็ด  เมนูที่ไม่เผ็ดก็มี ปลาหมึกทอดกระเทียม และผักกาดขาวตุ๋นเห็ดหอม

Signature dishes


ตอนที่สั่งอาหาร บุ๊งถามทางร้านว่า เมนูไหนบ้างที่เป็น signature dishes เค้าตอบว่ามี 3 อย่างที่เด็ดดัง ห้ามพลาด คือ มัสมั่นเนื้อน่องแกะ  ที่เห็นในภาพคือขนาดสำหรับ 2 คนทาน เพราะบุ๊งมากับน้องสาว เค้าก็เลยเสิร์ฟเป็น portion สำหรับ 2 คน เราก็จะได้ น่องแกะขนาดใหญ่มาเลย  แกงมัสมั่น หอมเครื่องแกงและถั่วลิสง เชฟใส่มันม่วงมาด้วย  เนื้อแกะนุ่มมากถึงมากที่สุด แบบใช้ส้อมเขี่ยเนื้อแกะออกจากกระดูกได้ง่าย ๆ เลย

ผัดพริกขิงปลาดุกฟู  จานนี้บุ๊งประทับใจมาก คือเชฟเล่าว่า เวลาทำต้องคัดเนื้อปลาดุกอย่างดี และต้องคัดเอาก้างออกให้หมด บุ๊งชอบตรงนี้ คือไม่มีก้างมาให้รำคาญใจ และที่สำคัญ ผัดพริกขิงปลาดุกฟู กรอบทุกคำ รสเปรี้ยวหวาน หอมพริกแกง จานนี้อร่อยมาก ๆ ค่ะ ต้องกินเลยแหละ

น้ำพริกไข่ปู  เสิร์ฟพร้อม ปลาทูทอด ผักสดห่ออยู่ในใบตอง ผักลวกต่าง ๆ และไข่ต้มยางมะตูม  นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูไฮไลท์

Desserts


ขนมหวาน ยกมาจานใหญ่เลยค่ะ เป็น item ที่ 17 ที่มีทั้งหมด 3 อย่างในจานเดียว บุ๊งชอบมาก อิอิ  

เริ่มจาก สังขยาน้ำตาลไหม้กับหวานเย็นส้ม  สังขยาเนื้อเนียน มีกลิ่นหอมคาราเมลที่ติดไหม้นิด ๆ ปลายขมหน่อย ๆ กินกับสังขยาที่ออกรสหวานนำ เข้ากันมาก  เพิ่มรสเปรี้ยวของเบอร์รี่หรือกีวีมาตัด เข้ากันที่สุด  เชฟเสิร์ฟขนมชนิดนี้กับ หวานเย็นส้ม หรือ Mandarin sorbet ไอศกรีมที่ทำจากน้ำส้มสายน้ำผึ้งคั้นสด สดชื่นมากค่ะ คือกินแล้วรู้ว่าใช้น้ำส้มคั้นสดทำจริง ๆ ไม่มีผสมเลย

หยกมณีสตรอเบอร์รี่สด ตอนเสิร์ฟมีฝาแก้วครอบอยู่ ด้านในเชฟอบควันเทียนไว้ เพื่อมาเปิดที่โต๊ะ ตอนยกฝาออก กลิ่นควันเทียนหอมตลมอบอวลไปทั่ว  หยกมณีคือ สาคูกลิ่นใบเตยคั้นสด ห่อไส้ด้วย strawberry ลูกใหญ่มาก ๆ และระหว่างสตรอเบอร์รี่กับสาคู มีถั่วกวนบาง ๆ ด้านนอกคลุกกับมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย มะพร้าวนุ่มแหละ ไม่แก่หรือแข็ง ๆ เป็นกาก  บอกได้เลยว่าเป็นหยกมณีที่อร่อยที่สุดตั้งแต่บุ๊งกินมา

ข้าวฟ่างเปียกลำไย  น้องสาวบอกว่าข้าวฟ่างเป็นธัญพืชชนิดหนึ่ง นำมาทำเป็นข้าวเปียก ใส่กะทิสด ลำไยแช่ในน้ำดอกอัญชัน ถ้วยนี้ไม่หวานมาก ข้าวฟ่างเป็นเกล็ดแต่นุ่ม อร่อยดีค่ะ

Tasting menu ทั้งหมด 17 อย่าง ที่ได้กินเกิน 17 อย่าง คอนเซ็ปต์คืออยากให้ทุกคนได้ชิมหลาย ๆ เมนูที่คัดเลือกมาแล้วว่าเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าหลาย ๆ คน  บุ๊งถือว่าคุ้มค่า คุ้มราคามาก เพราะเชฟใส่ใจรายละเอียด และตั้งใจทำทุกจานเลยค่ะ

ชีวิตชีวา 150 B น้ำผักและผลไม้รวม สูตรเชฟวิชิต ไม่ใส่น้ำตาล  แต่มีรสเปรี้ยวหวาน เข้มข้นใช้ได้เลยค่ะ แก้วนี้ได้ความหวานจากธรรมชาติล้วน ๆ 

A la carte menu


นอกจาก tasting menu ด้านบน บุ๊งมีสั่งอาหารอีก 2 อย่างมาชิม คือเห็นในเมนูแล้วรู้สึกอยากกิน อิอิ  นั่นก็คือ ข้าวคลุกกะปิทรงเครื่อง 320 B  จานนี้ดีมาก แค่บีบมะนาวเล็กน้อย เคล้าให้เข้ากัน รสชาติกำลังดี ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเลย

ต้มส้มปลากระบอก 480 B ใส่ขิงซอยเพื่อไม่ให้ปลามีกลิ่นคาว ปรุงรสชาติเปรี้ยวหวาน เผ็ดเล็กน้อยค่ะ

Until next time…

Boonk

Recent Posts

Lahnyai Nusara หลานยาย นุสรา โดยเชฟต้น Le Du

Lahnyai Nusara หลานยาย นุสรา หนึ่งในร้านอาหารไทยของเชฟต้นแห่ง Le Du เชฟอาหารไทย มิชลิน 1 ดาวนำเสนอ อาหารไทย สูตรดั้งเดิมชาววัง โดยใช้เทคนิคการปรุงอาหารแบบตะวันตก แต่ละจานมีลูกเล่นและเสน่ห์ความเซอร์ไพรส์ https://youtu.be/AH8VocgrWKg\ Lahnyai Nusara หลานยายนุสรา…

3 months ago

บุฟเฟ่ต์ อาหารญี่ปุ่น โอโทโร่ Miyagi Fuji Super 39

บุฟเฟ่ต์ อาหารญี่ปุ่น Miyagi Fuji Super 39 รวมซูชิ โอโทโร่ ชูโทโร่ อากามิ แบบไม่อั้น อันนี้ดีงามจริง ข้าวซูชิปรุงรสดี ไม่ปั้นข้าวบีบแน่นจนเกินไป https://youtu.be/inzLKmEHPmo…

3 months ago

LE DU | 1-Michelin Star & No.40 World’s 50 Best Restaurant 2024

เมนูใหม่ล่าสุดของ เชฟต้น แห่ง LE DU ร้านอาหารไทยที่ได้รับ 1 Michelin Star และติดอันดับ 40 World's 50 Best Restaurant…

5 months ago

Restaurant POTONG มื้อค่ำสุด exclusive ณ ร้านมิชลิน 1 ดาว

มื้อค่ำสุด exclusive @ Restaurant POTONG | 1 MICHELIN Star เชฟแพม ร่วมกับ AWC Thailand จัด charity dinner…

6 months ago

Ramenga ราเมงอะ ラーメン ราเมงเส้นสด

Ramenga ราเมงอะ ラーメン ราเมงเส้นสด ราคาไม่แรง ฟีลญี่ปุ่นแบบกินได้ทุกวัน ที่น่าสนับสนุนที่สุด คือ โครงการปันอิ่ม แจกราเมงฟรีทุกสาขา ๆ ละ 10 ชาม คลิปรีวิวร้าน ราเมงอะ ラーメン…

6 months ago

สำรับมื้อกลางวัน Front Room | Waldorf Astoria Bangkok

สำรับมื้อกลางวัน ใหม่ล่าสุดที่ Front Room | Waldorf Astoria Bangkok กับราคานี้ ปริมาณเท่านี้ คุณภาพระดับนี้ คือคุ้มมากสำหรับ Waldorf Front RoomWaldorf Astoria Bangkok Lower…

9 months ago

This website uses cookies.