Signature Bangkok | VIE Hotel อาหารฝรั่งเศส ระดับเชฟมิชลิน 5 คอร์ส ในชื่อ Le Petit Bouquet คุ้มค่าที่สุดตั้งแต่กินมา เชฟทำเซอร์ไพรส์ในทุกคอร์ส ตั้งแต่ต้นจนจบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ
Signature Bangkok
VIE Hotel Bangkok, MGallery Hotel Collection
11 Fl. 117/39-40 Phayathai Rd, Bangkok 10400 THAILAND
Tel. +662 309 3939
https://signaturebangkok.com/
https://www.facebook.com/signaturerestaurantbkk/
Map: https://g.page/signaturebangkokrestaurant?share
Opening hours: Tuesday – Sunday
Dinner: 18:00 – 22:00 hrs. (last order at 20:00 hrs.)
Closed on Monday
ห้องอาหารฝรั่งเศส Signature Bangkok (ซิกเนเจอร์ แบงก์คอก) อยู่ที่ชั้น 11 ของ VIE Hotel Bangkok, MGallery Hotel Collection (โรงแรม วี กรุงเทพฯ เอ็มแกลเลอรี โฮเทล คอลเลคชั่น) ถนนพญาไท ห่างจาก Siam แค่ 5 นาที หากใครเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สามารถลงที่สถานี ราชเทวี ซึ่งอยู่หน้าทางเข้าโรงแรมได้เลย location ดีงามมาก เปิดเฉพาะมื้อเย็นวันอังคารถึงวันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์)
บุ๊งเคยมาทานอาหารฝรั่งเศสที่นี่แล้วเมื่อปี 2021 และเคยทำรีวิวไว้ด้วย เมนูไม่เหมือนกับครั้งนี้ค่ะ
Former 2-Michelin star Chef
Chef ThierryDrapeau (เชฟเธียรี ดราโป) ชาวฝรั่งเศส ผู้ซึ่งมีดีกรีระดับ เชฟมิชลิน 2 ดาว แห่งร้านอาหาร Thierry Drapeau à la Chabotterie จากประเทศฝรั่งเศส เป็นเวลายาวนานถึง 9 ปี ติดต่อกัน ก่อนมาเป็น Executive Chef ที่ VIE Hotel Bangkok แห่งนี้ Chef Thierry เรียกแนวทางในการทำอาหารของตนเองว่า Cuisine of the soil หมายถึง การนำวัตถุดิบที่ดีที่สุด และบริสุทธิ์ที่สุดมาผสมผสานกับรสชาติจากผืนดินและท้องทะเล
เพื่อให้ลูกค้าได้ชิมอาหารหลากหลาย เชฟจะเปลี่ยนเมนูใหม่มานำเสนอเรื่อย ๆ สำหรับอาหารที่บุ๊งมารีวิวครั้งนี้คือไปทานมาเมื่อเดือน มิ.ย. 2565 ค่ะ
Le Petit Bouquet
5-course menu เซ็ทอาหาร 5 คอร์ส
Price: 3,750 B++ ไม่รวมเครื่องดื่ม
Note: นอกจากนี้ยังมีเซ็ทแบบ 8 คอร์สด้วยค่ะ
Canapes Potager (vegetable garden)
เมื่อไปถึงห้องอาหาร เค้าจะพาเราไปนั่งบริเวณโซฟาด้านหน้าก่อน เพื่อเสิร์ฟ welcome drink และ canapes ซึ่ง 2 อย่างนี้ไม่นับรวมอยู่ในคอร์ส ถือเป็น complimentary จากเชฟ
Welcome drink
เครื่องดื่มที่เสิร์ฟเป็นน้ำมะเขือเทศผสมน้ำมะนาว รสเข้มข้น เปรี้ยวนำ และหวานตาม เป็น mocktail ไม่มีแอลกอฮอล์
Canapes
เชฟ Thierry Drapeau มีชื่อเสียงด้าน floral cuisine คือนำดอกไม้มาผสมผสาน จัดจานได้อย่างสวยงาม ทุกส่วนสามารถกินได้ ไม่ได้วางเพื่อตกแต่งไปอย่างนั้นเอง ดังนั้น Canapes จึงเสิร์ฟมาในลักษณะสวน มีทั้งหมด 3 อย่าง โดยให้กินเรียงลำดับตามนี้
Carrot cone
โคนบางกรอบ สอดไส้ด้วยแครอทบด รสเปรี้ยวหวาน ด้านบนโรยด้วย Herring caviar
อ๊อตโต้บอกว่าชอบคำนี้มากที่สุด
Macaron
มากาฮงชิ้นนี้เป็นแบบคาว ไม่มีรสหวานเลย ตัวเปลือกทำจากเมอแรงก์ ไส้ตรงกลางคือแฮม Iberico ที่เรียกว่า macaron เพราะรูปร่างหน้าตาเหมือนมากาฮงนั่นเอง
Black radish paper
ด้านล่างเป็นกระทงทำจาก black radish บางกรอบ ด้านในคือไส้ fish tartare ปลาแมคเคอเรลแบบดิบปรุงรสด้วยมะนาว
เมื่อเสร็จจากคานาเป้ เราก็จะเดินไปนั่งที่โต๊ะทานอาหาร แล้วเค้าจะเริ่มเสิร์ฟคอร์สแรก
Amuse-bouche
La TomateTomato – Black Olive – Radish – Corainder flower
เป็นอะมูสบูชที่มาแบบใหญ่มากค่ะ ปกติ amuse-bouche จะมาแบบคำเล็ก ๆ 1 คำ แต่เชฟเสิร์ฟมาแบบนี้เลย มันคือมะเขือเทศ heirloom จากเชียงใหม่ ปอกเปลือกนำไปหมักน้ำส้มสายชู เนื้อมะเขือเทศนุ่มมาก ๆ ออกรสเปรี้ยวนิด หวานฉ่ำ เสิร์ฟพร้อม carrot pearl เป็นเจลลีลูกกลมสีส้มด้านในคือน้ำแครอท เวลากัดจะแตกโพละในปาก อร่อยสดชื่นมาก
คอร์สนี้เสิร์ฟมาพร้อมขนมปังที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศนำไปโทสต์ กรอบนอก นุ่มใน ด้านบนคือมะเขือเทศฝานแผ่นบาง ๆ นำไปอบจนนุ่มหวาน โรยด้วยผงมะกอกดำใส่โรสแมรี่
Starter
L’aspergeFrench Asparagus – Bergamot (มะกรูด) – Tagetes (ดาวเรือง)
หน่อไม้ฝรั่งสีขาวนำไป blanched หรือลวกเล็กน้อย แล้ว seared ในกระทะด้วยน้ำมันจากส้ม ทำให้มีกลิ่นหอม citrus อ่อน ๆ ด้านข้างเป็นทาร์ตทำสลับชั้นกับหน่อไม้ฝรั่งขาว เนื้อนุ่ม เสิร์ฟพร้อมซอส sabaon ทำจากไข่แดง ครีมมี รสเปรี้ยวนิด ๆ
ขนมปังที่เสิร์ฟมาพรัอมกับคอร์สที่ 2 มี 3 อย่างคือ sour dough ที่เป็นซิกเนเจอร์ของเชฟ ขนมปังนมสดใส่โรสแมรีและ ขนมปังบริออชใส่โรสแมรี มาพร้อมเนย Bordier สุดพรีเมียมจากฝรั่งเศส และเนยรมควันที่เชฟทำเองแบบโฮมเมด
Main course
Selle d’Agneau Pyrenees Lamb – Celery – Pistachio – Cucumber Flower
จานหลักคือ Lamb rack หรือซี่โครงแกะย่าง เชฟใช้เนื้อลูกแกะที่มีอายุประมาณ 45-48 วันจาก Pyrenees ดังนั้นเนื้อแกะจึงนุ่มมากและไม่มีกลิ่นสาบ ในส่วนเนื้อซี่โครง เชฟสอดไส้ด้วย ถั่วพิชตาชิโอและเครื่องในแกะบดผสมรวมกันไว้ด้วย นอกจากนี้ยังไม่ ตับแกะพันด้วยเบคอนนำไปย่างและรมควันกับ organic hay กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ จานนี้อร่อยมากค่ะ
Cheese
Cheese
Apple chutney – Parmesan Chip – Herbs salad
คอร์สที่ 4 เป็นชีส โดยให้เราเลือกชีสที่ต้องการจากรถเข็นชีสทั้งหมด 4 อย่าง แล้วเค้าจะเสิร์ฟมาพร้อมกับสลัดผัก ถั่ววอลนัท ผลไม้อบแห้ง และ parmesan chip
ในส่วนรายละเอียดของชีสว่ามีอะไรบ้าง สามารถเข้าไปดูได้ในคลิปรีวิวที่บุ๊งทำไว้ด้านบนค่ะ
สำหรับบุ๊ง ชอบชีส Claousou Fromage ซึ่งเป็นชีสแบบ soft ที่หายาก ในปีนึงผลิตไม่เยอะ และเป็นชีสที่มาจากบ้านเกิดของเชฟเลยค่ะ
Desserts
Plaisirs Sucre (Sweet pleasure)Red & White strawberry – Ginger – Oxalis ดอกผีเสื้อราตรี
ขนมหวานมี 2 อย่าง อย่างแรกคือ
Strawberry caviar พร้อมไอศกรีมเชอร์เบท และซอสสตรอเบอร์รี่
ครึ่งล่างเป็น ไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ซอร์เบท์ในถ้วยเมอแรงก์ ส่วนครึ่งบนเป็น strawberry mousse เวลากินควรกินให้ครบทั้งด้านบนและด้านล่าง เปรี้ยวหวานสดชื่นมาก ๆ เชฟใช้ Gariguette strawberry จากญี่ปุ่น
Surprise du Vergers
หลังคอร์สขนมหวาน ยังไม่จบแค่นั้นค่ะ เชฟมีเซอร์ไพรส์เพียบ ทั้งหมดที่เห็นนี่คือ complimentary ล้วน ๆ
ไวท์ช็อคโกแลต ด้านในคือ น้ำ celery และแอปเปิ้ล รสเปรี้ยวหวานสดชื่น
Chocolate egg
เปลือกไข่คือ dark chocolate ด้านในมีเซอร์ไพรส์ ดูจากคลิปได้ค่ะ
Chocolate truffle ดึงต้นออกจากกระถาง chocolate crumbs น่ารักมากค่ะ
Coconut macarons อันนี้เป็นขนมหวานจริง ๆ แล้วค่ะ
ส่วนทอฟฟี่สี่เหลี่ยมสามารถกินกระดาษได้เลย
Cherry marshmallows ห้อยอยู่บนต้นบอนไซ เปรี้ยวหวาน อร่อยมากค่ะ
Signature Bangkok เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่บุ๊งชอบมาก ทั้งบรรยากาศและอาหาร ส่วนตัวบุ๊งคิดว่าเชฟเธียรีเก่ง มีความสามารถมาก ประทับใจค่ะ
Until next time…